ปัจจุบันผู้คนในสังคมนิยมใช้เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินชีวิต เพราะบริษัทหรือองค์กรหลายๆแห่งใช้มาตรการ Work From Home หรือโรงเรียนบางแห่งก็มีระบบ Study Online รวมไปถึงประชุมออนไลน์ผ่านโปรแกรม Zoom, Discord เป็นต้น จึงทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อย่าง Smartphone, Laptop, PC, Notebook และอุปกรณ์ยอดนิยมอย่าง Tablet แต่หากพูดถึง Tablet ทุกคนคงนึกถึง ‘iPad’ เป็นอันดับแรก เพราะถูกผลิตและพัฒนาโดยแบรนด์ Apple โดยตอบสนองต่อความต้องการแก่ผู้ใช้งานได้เป็นอย่างดี ซึ่งสามารถใช้งานประชุมออนไลน์ เรียนออนไลน์ และสามารถทำงานได้ นอกจากนี้สามารถใช้คู่กับ Apple Pencil เพื่อสร้างสรรค์ศิลปะอย่างวาดภาพได้อีกด้วย ดังนั้นวันนี้เราจะมารีวิว 7 อันดับ iPad รุ่นไหนดี ที่ให้ความนิยมมากที่สุด ใช้งานได้นาน คุ้มค่าแก่การซื้อใช้งาน มาติดตามพร้อมๆกันเลย
แนะนำ 7 iPad รุ่นไหนดี ยอดนิยมมากที่สุด ใช้งานได้นาน คุ้มค่า
1. iPad Air 5 Wi-Fi + Cellular (2022)
เริ่มต้นรีวิว iPad รุ่นไหนดีอันดับแรกกับ iPad Air 5 Wi-Fi + Cellular (2022) ซึ่งเปิดจำหน่ายในปี 2022 และเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในรุ่น iPad Air โดยมีชิปประมวลผล Apple M1 ที่จัดเต็มในด้านประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยให้ใช้ Application หลายหน้าต่างพร้อมกัน และเล่นเกมระดับ High Quality ได้ทุกเกม ในส่วนของหน้าจอแสดงผล Liquid Retina 24-bit (16 ล้านสี) ซึ่งแสดงภาพได้สวยงาม คมชัดเสมือนจริง และมี Refresh Rate 60Hz นอกจากนี้กล้องหลังมีความคมชัดถึง 12 ล้านพิกเซล และสามารถใช้ฟีเจอร์เลนส์ Ultra-Wide มาพร้อมกับระบบกันสั่น ช่วยให้ถ่ายวิดีโอได้สนุก ไหลลื่น อีกทั้งกล้องหน้ามีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล ถ่าย Selfie ได้สวยงาม คมชัด
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad Air 5 Wi-Fi + Cellular |
น้ำหนัก | 462 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 10.9 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | Apple M1 |
- iPad Air 5 เปิดจำหน่ายเมื่อต้นปี 2022 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในหมวด iPad Air และมีสเปคที่คุ้มค่ากับราคามากที่สุด ใช้งานได้ทั้ง Wi-Fi หรือใส่ Nano-Sim ได้
- มีชิปประมวลผล Apple M1 มี RAM 8GB ประมวลผลการทำงานได้รวดเร็ว ทั้งเล่นเกม หรือทำงานได้หลายหน้าต่างพร้อมกัน
- กล้องชัดทั้งหน้าและหลัง โดยมีความคมชัดสูงถึง 12 ล้านพิกเซล และมีระบบกันสั่น
- หน้าจอแสดงผล Liquid Retina 24-bit แสดงภาพได้คมชัด สวยงามเสมือนจริง
- มีความจุพื้นที่ หรือ ROM สูงสุดเพียง 256GB เท่านั้น อาจทำให้ต้องซื้อพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเพิ่มเติมผ่านระบบ iCloud
- หน้าจอยังคงเป็นระบบ Refresh Rate 60Hz ซึ่งควรเป็น 120Hz ขึ้นไป เพื่อให้ความลื่นไหลในการใช้งาน
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee
2. iPad Pro Wi-Fi (2021)
iPad Pro Wi-Fi (2021) มีหน้าจอแสดงผล Liquid Retina ช่วยให้ภาพมีสีสดใส คมชัดสวยงาม พร้อมทั้งมี Refresh Rate 120Hz ทำให้การเคลื่อนไหวของภาพมีความลื่นไหล ไม่มีสะดุด ในส่วนสเปกเครื่องมีชิปประมวลผล Apple M1 และRam 8GB/16GB ช่วยให้ประมวลผลการทำงานอย่างรวดเร็วได้ไวกว่า CPU ทั่วไป นอกจากนี้ระบบชาร์จแบตเตอรี่แบบ USB-Type C และรองรับ Thunderbolt 3 ส่งผลให้การชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ไว และสามารถ่ายโอนข้อมูลได้รวดเร็ว อีกทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังมีความคมชัด โดยกล้องหลังมีจำนวน 3 กล้อง คือ กล้องหลัก, กล้องเทเล และกล้องซูม เลือกใช้งานได้ตามที่ต้องการ
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad Pro Wi‑Fi (2021) |
น้ำหนัก | 466 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 11 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | Apple M1 |
- iPad Pro Wi-Fi (2021) มีหน้าจอแสดงผล Liquid Retina และมี Refresh Rate 120Hz ทั้งให้ภาพลื่นไหล และภาพคมชัด สวยงาม
- ใช้ชิปประมวลผล Apple M1 และใช้ RAM 8GB/16GB ทำให้ประมวลผลทำงานรวดเร็ว ไม่มีกระตุก
- รองรับพอร์ตการเชื่อมต่อ Thunderbolt 3 และ USB-Type C ทำให้ชาร์จแบตไว และโอนข้อมูลได้เร็ว
- กล้องหน้าและกล้องหลังมีความคมชัด 12 ล้านพิเซล ถ่ายรูปได้สนุก มีความคมชัดสูง
- เป็น iPad Pro ปี 2021 ซึ่งทางแบรนด์ประกาศยกเลิกผลิต ทำให้มีจำนวนสินค้าเลือกน้อย
- ไม่รองรับระบบ Sim Card จำเป็นต้องใช้ Wi-Fi ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเท่านั้น
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee
3. iPad mini Wi-Fi + Cellular (2021)
iPad mini Gen6 ปี 2021 มีดีไซน์บาง ขนาดกะทัดรัด พกพาได้ง่าย และมีหน้าจอแบบ Liquid Retina พร้อม True Tone มีขอบเขตสีสันกว้าง และลดการสะท้อนของแสงได้อย่างดี ช่วยให้อ่านหนังสือได้คมชัด โดยมีรูปแบบใช้งาน Wi-Fi และ Cellular ซึ่งรองรับ Nano-Sim สามารถใช้งาน 4G/5G ได้ ในส่วนสเปกมีความแรงพอสมควร ใช้ชิปประมวลผล A15 Bionic ประมวลการทำงานได้เร็ว และสามารถทำงานด้าน Graphic ได้อย่างสบาย อีกทั้งกล้องหน้าและกล้องหลังมีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น ทำให้ถ่ายวิดีโอทำ Vlog หรือ Live บน Platform ต่างๆได้
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad mini Wi-Fi + Cellular (2021) |
น้ำหนัก | 297 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 8.3 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | A15 Bionic |
- iPad mini Gen6 มีดีไซน์บาง ขนาดกะทัดรัด เหมาะสำหรับเล่นเกม ดูหนัง และเรียนออนไลน์ โดยเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi และใช้ Nano-Sim Card
- หน้าจอ Liquid Retina พร้อมระบบ True Tone มีขอบเขตสีสันกว้าง และลดการสะท้อนของแสงได้อย่างดี
- กล้องหน้าและกล้องหลังมีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล พร้อมระบบกันสั่น ถ่าย Video ทำ Vlog ได้ลื่นไหล
- ชิปประมวลผล A15 Bionic ถือว่าประมวลผลการทำงานได้เร็ว ใช้งานได้รอบด้าน
- ปัจจุบันหาซื้อสินค้าได้ยาก เพราะ iPad ปี 2021 ยกเลิกผลิตแล้ว
- ไม่รองรับระบบสแกนใบหน้า หรือ Face ID
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
4. iPad Pro Wi-Fi (2022)
iPad Pro Wi-Fi (2022) เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดประกาศวางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2022 มีขนาดหน้าจอ 11 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลแบบ Liquid Retina พร้อม Refresh Rate 120Hz และระบบ True Tone ปรับแสงของภาพอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ภาพคมชัด สีสันสดใส ภาพสวยงามเสมือนจริง ส่วนสเปกมีความล้ำสมัยมากที่สุด โดยใช้ชิปประมวลผล Apple M2 ซึ่งมีความแรงที่สุดในกลุ่มอุตสาหกรรม Chipset ช่วยให้ประมวลการทำงานได้เร็ว ทั้งเล่นเกมปรับภาพสูงสุด ดูหนัง และทำงานพร้อมกันได้หลายโปรแกรม นอกจากนี้กล้องหน้าและกล้องหลังมีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุด 4K ได้อีกด้วย
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad Pro Wi-Fi (2022) |
น้ำหนัก | 470 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 11 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | Apple M2 |
- iPad Pro 2022 ใช้ชิปประมวลผล Apple M2 ซึ่ง CPU มีความเร็วมากที่สุด ทั้งประมวลผลได้เร็ว และทำงานได้อย่างไหลลื่น และเล่นเกมปรับภาพสูงสุดไม่มีสะดุด
- แบตเตอรี่ทนทาน ใช้งานได้นานเกิน 10 ชั่วโมง และรองรับระบบ Fast Charge 18W ชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ไว
- รองรับใช้งาน Face ID พร้อมทั้งกล้องและกล้องหลังมีความคมชัด 12 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพได้คมชัด
- รองรับ Apple Pencil Gen2 และมีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้รวดเร็ว
- หากต้องการความจุเพิ่มเติมที่มากกว่า 128GB ต้องเพิ่มค่าส่วนต่างราคาเยอะพอสมควร
- iPad Pro 2022 เป็นรุ่นที่มีราคาแพงที่สุด
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee
5. iPad Wi-Fi (10th Gen 2022)
iPad Wi-Fi 10th Gen 2022 เปิดตัววางจำหน่ายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2022 โดยมีดีไซน์บางเบา ขอบโค้งมนให้ความสวยงาม ซึ่งมีหน้าจอแสดงผลแบบ Liquid Retina ให้สีสันสดใสสวยงาม โดยมีขนาดหน้าจอ 10.9 นิ้ว เป็นขนาดที่เหมาะสมสำหรับดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม และสามารถทำงานหรือเรียนออนไลน์ได้เช่นกัน ในส่วนสเปกใช้ชิบประมวลผล A14 Bionic ซึ่งมีความเร็วที่ 3.0Ghz ถือเป็นความเร็วมาตรฐานทั่วไป เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปได้ลื่นไหล ไม่เกิดอาการกระตุก นอกจากนี้รองรับระบบ Finger Scan ทำให้บันทึกข้อมูลในการทำธุรกรรม เข้ารหัสผ่าน หรืออื่นๆ ช่วยให้เข้าใช้งานได้สะดวกรวดเร็วนั่นเอง
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad Wi-Fi Gen10 2022 |
น้ำหนัก | 477 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 10.9 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | A14 Bionic |
- iPad Wi-Fi Gen10 2022 มีขนาดหน้าจอ9 นิ้ว และมีหน้าจอแสดงผลแบบ Liquid Retina ช่วยให้ภาพมีสีสันสดใส สวยงาม
- เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง เรียนออนไลน์ และทำงานออนไลน์ได้เป็นอย่างดี
- รองรับระบบ Finger Scan ช่วยให้เข้าใช้งานได้สะดวกรวดเร็วยิ่งขึ้น
- สามารถเข้าใช้ Wi-Fi เครือข่าย 5G หรือ Wi-Fi 6 ได้
- Refresh Rate ของหน้าจอเพียง 60Hz และชิบประมวลผล A14 Bionic ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีค่อนข้างเก่า ประมวลผลได้ไม่เร็วเท่ากับรุ่นในปีเดียวกัน
- ระบบกล้องหลังไม่สามารถใช้งานฟีเจอร์เลนส์ Ultra-Wide ได้ เป็นเพียงกล้องธรรมดาเท่านั้น
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee
6. Apple iPad Wi-Fi (9th Gen 2021)
Apple iPad Wi-Fi Gen9 มีขนาดหน้าจอ 10.2 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลแบบ Retina Display ลดแสงสะท้อนที่ทำลายสายตาน้อยลง ช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดเจน คมชัดสวยงาม และมีดีไซน์มาตรฐาน iPad ซึ่งเป็นรุ่นที่เหมาะสำหรับการศึกษาเป็นหลัก โดยมีสเปกที่ประมวลผลที่รวดเร็ว ซึ่งใช้ชิปประมวลผล A13 Bionic สามารถโหลดข้อมูลหรือเอกสารได้ไว ไม่เกิดอาการกระตุก หรือค้าง ทั้งนี้รองรับ Apple Pencil Gen1 ทำให้วาดภาพ เขียนข้อความ หรือจดบันทึกได้ตามที่ต้องการ นอกจากนี้แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง ถือว่าเป็นรุ่นที่เหมาะนำไปใช้เรียนออนไลน์ เพราะมีราคาถูก สเปกกำลังดี ประมวลผลได้เร็ว
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad Wi-Fi Gen9 2021 |
น้ำหนัก | 487 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 10.2 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | A13 Bionic |
- Apple iPad Wi-Fi Gen9 มีขนาดหน้าจอ2 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลแบบ Retina Display สามารถใช้ได้ต่อเนื่องโดยไม่ทำลายสายตา และภาพสวยคมชัด
- เหมาะสำหรับใช้ในการเรียนหรือการศึกษา เพราะมีราคาถูก และประมวลผลได้เร็วด้วยชิปประมวผล A13 Bionic
- สามารถใช้ Apple Pencil Gen1 ช่วยให้จดบันทึก หรือวาดภาพได้ตามที่ต้องการ
- แบตเตอรี่ถึกทน สามารถใช้งานได้นานเกิน 8 ชั่วโมง
- ไม่รองรับพอร์ตการเชื่อมต่อแบบ USB-Type C โดยยังคงเป็น Lightning ระบบที่ล้าสมัย ชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูลได้ช้า
- ไม่รองรับระบบจดจำใบหน้า Face ID
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee
7. Apple iPad 10.2 Wi-Fi + Cellular (8th Gen 2020)
มาถึงแนะนำ iPad รุ่นไหนดีอันดับสุดท้ายกับ Apple iPad 10.2 Wi-Fi + Cellular (8th Gen 2020) มีจอภาพ Retina ขนาด 10.2 นิ้ว แสดงภาพได้สวยสะดุดตา รองรับระบบ Touch ID เพื่อการยืนยันตัวตนที่ปลอดภัย ช่วยให้ทำธุรกรรมได้รวดเร็ว และมีความปลอดภัยสูง พร้อมทั้งใช้งาน Apple Pencil Gen1 ช่วยให้จดบันทึก และใช้งานฟีเจอร์ตัดต่อได้สะดวกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งใช้ชิปประมวลผล A12 Bionic สามารถประมวลผลการทำงานได้เร็ว เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปอย่าง เล่นเกม ดูหนัง ฟังเพลง
ยี่ห้อ/รุ่น | iPad 10.2 Wi-Fi + Cellular (8th Gen 2020) |
น้ำหนัก | 485 กรัม |
ขนาดหน้าจอ | 10.2 นิ้ว |
ชิปประมวลผล | A12 Bionic |
- มีจอภาพ Retina ขนาด 10.2 นิ้ว แสดงภาพได้สวยสะดุดตา ช่วยให้ดูหนัง เล่นเกมได้เพลิดเพลิน
- สามารถใช้ Apple Pencil Gen1 ช่วยให้จดบันทึก หรือเขียนข้อมูลได้สะดวกยิ่งขึ้น
- มีระบบ Touch ID สามารถสแกนนิ้วมือในการยืนยันตนได้
- มีราคาค่อนข้างถูก หากเทียบกับ iPad รุ่นอื่นๆ
- ไม่เหมาะสำหรับนำไปใช้เรียนออนไลน์หรือทำงาน เพราะชิปประมวลผล A12 Bionic เป็นเทคโนโลยีล้าสมัยของแบรนด์ Apple
- ระบบกล้องไม่มีคุณภาพทั้งหน้าและหลัง ซึ่งถ่ายรูปออกมาได้ไม่ชัดเท่าที่ควร
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
ประเภทของ iPad มีอะไรบ้าง?
สำหรับประเภทของ iPad มีอยู่ 4 ประเภทด้วยกัน ซึ่งแต่ละประเภทถูกออกแบบให้มีรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกัน เพื่อให้คุณเลือกซื้อ iPad ได้ตามความต้องการมากที่สุด โดยมีประเภทดังต่อไปนี้
1. Apple iPad Pro
Apple iPad Pro ถือเป็นรุ่น Top Tier ที่สุดสำหรับ iPad มีสเปกจัดเต็มทั้งในเรื่องของราคาและสเปกเครื่อง พร้อมทั้งมีดีไซน์ตัวเครื่องสวยงาม และสเปกกล้องมีคุณภาพ โดยหน้าจอมีขนาดใหญ่ ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพไม่ว่าจะเล่นเกม ดูหนัง ทำงาน และมีหน้าจอแสดงผลจะเป็นระบบ Retina ขึ้นไป เช่น Liquid Retina ที่ทำให้สีของภาพมีความชัดเจน และสีภาพไม่ผิดเพี้ยน นอกจากนี้หน้าจอจะมีระบบ Refresh Rate 120Hz พร้อม ProMotion ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวมีความลื่นไหล ไม่สะดุด อีกทั้งสามารถใช้ Apple Pencil Gen2 วาดภาพ จดบันทึกได้ตามที่ต้องการ สุดท้ายนี้ระบบกล้องมีคุณภาพ ใช้ฟีเจอร์ Selfie, Night Mode, Portrait ได้ภาพที่สวยงามอีกด้วย
2. Apple iPad Air
เป็นรุ่นรองจาก iPad Pro โดยยังคงมีสเปกเครื่องที่ใกล้เคียงกัน พร้อมฟีเจอร์คล้ายกัน ต่างกันเพียงชิปประมวลผลหรือความเร็ว CPU ซึ่ง iPad Pro จะได้รับชิปประมวลผลที่เร็วกว่า iPad Air ทั้งนี้ iPad Air ในปัจจุบันใช้ชิปประมวลผล Apple M1 ช่วยให้ทำงานได้รอบด้าน ไม่ว่าจะเขียนบทความ วาดภาพ และด้านกราฟฟิก ก็สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ ไม่เกิดอาการเครื่องกระตุกแน่นอน
3. Apple iPad
เป็นรุ่นประหยัดของ iPad นิยมใช้สำหรับการศึกษา เหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา เพราะใช้ชิปประมวลผลระดับ Bionic ช่วยให้ประมวลผลการทำงานที่รวดเร็ว สามารถเปิดไฟล์เอกสาร หรือโปรแกรมได้หลายหน้าต่าง และนอกจากนำไปใช้การศึกษาแล้วนั้น เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไปอย่าง ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้ทุกเกม แต่ทว่ามีน้ำหนักค่อนข้างเยอะ อาจทำให้พกพาไม่สะดวกเท่าที่ควร
4. Apple iPad Mini
Apple iPad Mini ว่ากันว่าเป็นรุ่นเล็กที่สุด เหมาะสำหรับใช้ทดแทนสมาร์ทโฟน ซึ่ง iPad Mini มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ช่วยให้พกพาได้ง่าย อาจนำไปใช้สำหรับเสนองาน หรือเจรจาต่อรองกับลูกค้า อีกทั้งใช้งานทั่วไปดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมได้อีกด้วย
เผยจุดเด่น iPad และเหตุผลทำไมถึงได้รับความนิยม?
ในปัจจุบันคงปฎิเสธไม่ได้เลยว่า iPad เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทั่วโลกต่างให้การยอมรับ เพราะใช้งานง่าย มีความเร็วในการประมวลผล และมีดีไซน์สวยงาม พกพาไปได้ทุกที่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงได้รับความนิยม เหมาะสำหรับทำงาน หรือเรียนออนไลน์ก็ได้เช่นกัน ยิ่งช่วงโรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมา ทำให้เกิดมาตรการ Work From Home และ Home Study จึงทำให้ iPad ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุผลดังกล่าวคือมีความเร็ว ใช้งานง่าย และมีความลื่นไหลในการใช้งาน แต่ทว่า iPad ก็มีข้อเสียเช่นกัน ดังนั้นเราจะมาสรุปและเผยข้อดี-ข้อเสียของ iPad มาดูพร้อมๆกันเลย
· ข้อดีของ iPad
- เหมาะสำหรับประชุมออนไลน์ การศึกษา และทำงาน ยิ่งคุณชอบอ่านข้อความ หากใช้ iPad จะตอบโจทย์ในการใช้งานอย่างมาก
- เทคโนโลยีล้ำสมัย ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นระบบความปลอดภัย ระบบกล้องถ่ายรูป รวมไปถึง App Store ของ iPad โดยเฉพาะ
- หากคุณเลือกใช้ iPad ที่ใช้ชิบประมวลผลรุ่น M ขึ้นไป เราขอการันตีในความรวดเร็วในการใช้งาน มีความสะดวก ลื่นไหล
- ใช้ชิปประมวลผลการทำงานได้รวดเร็วกว่าระบบ PC, Notebook และ Laptop ทำให้ใช้งานได้นาน คุ้มค่ากับราคา
- แบตเตอรี่ถึกทน และสามารถใช้งาน USB-Type C ชาร์จแบตเตอรี่และถ่ายโอนข้อมูลได้เร็วอีกด้วย
· ข้อเสียของ iPad
- นำพกพาไปใช้งานนอกสถานที่ไม่สะดวกเท่าที่ควร จำเป็นต้องมีกระเป๋าหรือพื้นที่ในการจัดเก็บ
- ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพราะต้องซื้ออุปกรณ์เสริม iPad เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- ไม่มีระบบ GPS ในตัว เพราะผู้พัฒนาเน้นให้ใช้งานรูปแบบ Indoor มากกว่า Outdoor
วิธีเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนดี ให้เหมาะสมกับความต้องการ ใช้งานได้นาน
1. จุดประสงค์ในการใช้งาน
สิ่งแรกในการเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนดี คุณควรพิจารณาจากจุดประสงค์ในการใช้งาน เพราะ iPad มี 4 ประเภท และสามารถนำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ ซึ่ง iPad แต่ละรุ่นจะใช้ชิปประมวลผลที่แตกต่างกัน เช่น iPad Pro 2022 จะใช้ชิปประมวล M2 ซึ่งเหมาะกับสายทำงานด้านการตัดต่อ เพราะต้องการชิปประมวลผลที่รวดเร็ว ไม่เกิดอาการกระตุก หรือ iPad Air Gen5 ก็เหมาะใช้งานได้รอบด้าน เพียงแต่ได้หน้าจอ Refresh Rate 60Hz เท่านั้น อาจทำให้ภาพเคลื่อนไหวมีการกระตุกเล็กน้อย เป็นต้น
2. พื้นที่ความจุจัดเก็บข้อมูล
สำหรับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของ iPad จำเป็นต้องคำนึงเลือกซื้อให้ดี เพราะราคาของ iPad ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเช่นกัน ยิ่งมีพื้นที่เพิ่มขึ้น ราคาก็สูงตาม โดยคุณสามารถเลือกได้ว่า หากเน้นใช้งานทั่วไป อาจเลือกความจุที่ 64-128GB ส่วนผู้ที่ต้องการใช้งานทำงานเป็นหลัก อาจเลือกความจุเก็บข้อมูล 256GB ขึ้นไป ทั้งนี้หลังจากซื้อ iPad มาแล้ว แต่ความจุไม่เพียงพอ สามารถซื้อความจุเพิ่มเติมผ่าน iCloud โดยมีความจุเริ่มต้นที่ 50GB จ่ายเพียง 35 บาท/เดือนเท่านั้น
3. หน้าจอแสดงผล
เนื่องจากในปัจจุบันระบบเทคโนโลยีบนหน้าจอแสดงผลของ iPad เป็น Retina แต่ได้ถูกพัฒนาเป็น Liquid Retina บางรุ่นเท่านั้น ซึ่งเราขอแนะนำให้เลือกใช้ Liquid Retina เพราะให้สีสันสดใส คมชัด โดยแสดงเม็ดสีของภาพได้สมจริง ไม่มีความผิดเพี้ยน เหมาะสำหรับดูหนัง เล่นเกม หรือทำงานสายตัดต่อได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ช่วยให้คุณอ่านข้อความบน iPad ได้อย่างลื่นไหล เพราะลดแสงที่ไม่จำเป็นให้สะท้อนสายตาน้อยลงนั่นเอง
บทสรุปเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนดี ยอดนิยมมากที่สุด ใช้งานได้นาน คุ้มค่า
สำหรับบทสรุปเลือกซื้อ iPad รุ่นไหนดี เราขอแนะนำ iPad Air Gen5 เพราะเปิดจำหน่ายในปี 2022 และเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในรุ่น iPad Air โดยมีชิปประมวลผล Apple M1 ที่จัดเต็มในด้านประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยให้ใช้ Application หลายหน้าต่างพร้อมกัน และเล่นเกมระดับ High Quality ได้ลื่นไหล มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ Liquid Retina ทำให้แสดงภาพได้สมจริง คมชัด และมีความสวยงาม นอกจากนี้ระบบกล้องมีคุณภาพทั้งหน้าและหลัง ช่วยให้คุณหยิบมาถ่ายรูปได้อย่างมั่นใจ หรือนำไปใช้ Video Call ทำให้มองเห็นภาพมุมกว้างได้มากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นรุ่น iPad ที่ยอดนิยมในขณะนี้ และคุ้มค่าเหมาะสมกับราคา ใช้งานได้นานแน่นอน
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada
เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee
- รีวิว เตาแม่เหล็กไฟฟ้า Electrolux รุ่น BO78SD สีดำ - มีนาคม 30, 2024
- รีวิว เตาแก๊ส DENPA เตาแก๊สหน้ากระจก สีดำ 2 หัว - มีนาคม 30, 2024
- รีวิว ที่นอนแคมป์ปิ้ง Cl เป่าลมพองอัตโนมัติ ท่องเที่ยวแบบพกพา - มีนาคม 29, 2024