รีวิว 10 อันดับ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ชงกาแฟอร่อย ใช้เวลาไม่นาน

เนื้อหา แสดง

เครื่องชงกาแฟ ในปัจจุบันกำลังได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้หลายๆคนเลือกรสชาติกาแฟได้เอง และใช้เวลาไม่นาน เหมาะสำหรับยุคสมัยปัจจุบันที่ต้องเร่งรีบออกไปทำงาน ส่งลูกเข้าเรียน เป็นต้น นอกจากภายในครัวเรือน คุณมีอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้สำหรับครัวเรือนอย่าง เตาปิ้งขนมปัง, ไมโครเวฟ, เตาอบ ฯลฯ ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งาน จำเป็นต้องมีเครื่องชงกาแฟ เพื่อให้คุณชงกาแฟได้อร่อย เลือกความเข้มได้ตามที่ต้องการ ประหยัดเวลาในการซื้อจากร้านกาแฟต่างๆ ซึ่งเครื่องชงกาแฟมีหลากหลายประเภท แน่นอนว่าอาจทำให้หลายๆคนสับสน เลือกซื้อไม่ถูก ดังนั้นเราจะมารีวิว 10 อันดับเครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ที่ชงกาแฟอร่อย ใช้เวลาไม่นาน มาดูพร้อมๆกันเลย

เครื่องชงกาแฟ

10 อันดับ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ชงกาแฟอร่อย

1.       เครื่องชงกาแฟ Duchess รุ่น CM3200B

เครื่องชงกาแฟ Duchess รุ่น CM3200B

เริ่มต้นรีวิวเครื่องชงกาแฟอันดับแรก Duchess รุ่น CM3200B มีดีไซน์เรียบง่าย แต่ทันสมัย โดยใช้วัสดุคุณภาพดี ให้ความทนทานสูง ใช้งานได้นาน ซึ่งมีปุ่มหมุนควบคุมการทำงาน ใช้สำหรับปรับระดับความเข้มของกาแฟ และมีไฟแสดงสถานะทำงานของเครื่องชงกาแฟ โดยมีฟังก์ชันในการทำงานอย่าง ชงกาแฟสด, ทำนมร้อน และเครื่องดื่มร้อนๆได้หลากหลายเมนู ซึ่งใช้เวลาในการทำเครื่องดื่มไม่ถึง 1 นาที เหมาะสำหรับเครื่องดื่มตอนเช้าที่ต้องใช้เวลาแบบเร่งรีบ ทำให้คุณสามารถเป็น Barista ประจำบ้านได้ง่ายๆอีกด้วย

ยี่ห้อ/รุ่น Duchess รุ่น CM3200B
ขนาด 22x24x31 เซนติเมตร
กำลังไฟ 580W
แรงดันบาร์ 15 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.2 ลิตร

จุดเด่น:
  • เป็นเครื่องชงกาแฟที่ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับครัวเรือนทั่วไป และใช้วัสดุคุณภาพดี ให้ความทนทานสูง มีอายุในการใช้งานค่อนข้างนาน
  • มีปุ่มหมุนควบคุมการทำงาน ใช้สำหรับปรับระดับความเข้มกาแฟ และมีไฟแสดงสถานะทำงานของเครื่องชงกาแฟ
  • มีฟังก์ชันทำเครื่องดื่มอย่าง ชงกาแฟสด, ทำนมร้อน และเครื่องดื่มร้อนอื่นๆอีกมากมาย
  • ใช้เวลาในการทำเครื่องดื่มไม่ถึง 1 นาที ทำให้เป็น Barista ประจำบ้านได้ง่ายๆ

จุดควรพิจารณา:
  • ความจุของถังน้ำค่อนข้างน้อย หากคุณต้องใช้งานเครื่องชงกาแฟอยู่เป็นประจำ อาจต้องเติมน้ำอยู่บ่อยครั้ง
  • สามารถชงกาแฟได้ครั้งละ 1 แก้วเท่านั้น

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

2.       เครื่องชงกาแฟ Nespresso รุ่น Essenza Mini C Range

เครื่องชงกาแฟ Nespresso รุ่น Essenza Mini C Range

เครื่องชงกาแฟ Nespresso รุ่น Essenza Mini C Range เป็นประเภทชงกาแฟแคปซูล มีดีไซน์ขนาดกะทัดรัด สวยงาม ทันสมัย ซึ่งมีการทำงานที่ง่ายมากๆ เพียงซื้อกาแฟแคปซูล กดปุ่ม 1 ครั้ง ก็รอรับเครื่องดื่มกาแฟสดได้ทันที โดยมีปุ่มสำหรับชงกาแฟ 2 ปุ่ม คือ Espresso เป็นรูปแบบชงกาแฟแบบเข้มข้นสำหรับ 1 Shot เหมาะสำหรับทำเมนูคาปูชิโน่ ลาเต้ เป็นต้น ส่วนโหมด Lungo เหมาะสำหรับทำเมนูอเมริกาโน่ร้อนและเย็น ถือเป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติที่ให้ความสะดวก ใช้เวลาในการชงกาแฟไม่นาน

ยี่ห้อ/รุ่น Nespresso รุ่น Essenza Mini C Range
ขนาด 11×32.5×20.5 เซนติเมตร
กำลังไฟ ไม่ระบุ
แรงดันบาร์ 19 บาร์
ความจุถังน้ำ 0.6 ลิตร

จุดเด่น:
  • เป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติชนิดแคปซูล ใช้งานง่าย ให้ความสะดวก มีดีไซน์ทันสมัย เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป
  • ทำเมนูกาแฟได้ง่ายดาย เพียงใช้ 2 ปุ่มในการชงกาแฟ Espresso กับ Lungo
  • มีแรงดัน 19 บาร์ ทำให้กาแฟของคุณมีความเข้มข้น และกลิ่นหอมละมุน
  • ขนาดกะทัดรัด สามารถพกพานอกสถานที่ได้

จุดควรพิจารณา:
  • เนื่องจากเป็นเครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูลเท่านั้น ไม่สามารถใช้ชงกาแฟชนิดบด หรือเมล็ดได้
  • ความจุของถังน้ำค่อนข้างน้อย ทำให้ชงกาแฟได้เพียง 2-3 แก้วเท่านั้น

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

3.       เครื่องชงกาแฟ Otto รุ่น CM-025A

เครื่องชงกาแฟ Otto รุ่น CM-025A

เครื่องชงกาแฟ Otto รุ่น CM-025A มีดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป และทำให้คุณเป็นนักชงกาแฟตัวยงภายในบ้านอย่างง่ายดาย โดยมีลักษณะการทำงานแบบผงกาแฟคั่วบด ซึ่งใส่ในช่องผงกาแฟ และมีช่องใส่น้ำ ระบบจะทำให้น้ำเดือด และไหลเวียนไปที่ผงกาแฟ เพื่อกลั่นกาแฟให้มากที่สุด จึงทำให้คุณได้รับกลิ่นที่หอมละมุน รสชาติเข้มข้น เหมาะสำหรับทำเครื่องดื่มกาแฟได้หลายเมนูเช่น Americano, Latte, Mocca เป็นต้น นอกจากนี้ยังใช้ผงโกโก้ ชาเย็น ชาเขียว ได้เช่นกัน อีกทั้งตัวกาน้ำสามารถแยกออกจากเครื่องได้

ยี่ห้อ/รุ่น Otto รุ่น CM-025A
ขนาด ไม่ระบุ
กำลังไฟ 550W
แรงดันบาร์ ไม่ระบุ
ความจุถังน้ำ 0.6 ลิตร

จุดเด่น:
  • ดีไซน์เรียบง่าย เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป บรรจุน้ำได้6 ลิตร โดยสามารถชงกาแฟได้สูงสุด 5 แก้ว
  • รูปแบบการชงกาแฟแบบน้ำร้อนไหลผ่านผงกาแฟ ทำให้มีความเข้มข้นสูง กลิ่นหอมละมุน
  • ชงกาแฟได้หลายเมนูอย่าง Americano, Latte และ Mocca หรือทำเมนูโกโก้ ชาเย็น
  • มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ ลดความเสี่ยงในการเกิดอัคคีภัยได้

จุดควรพิจารณา:
  • เนื่องจากตัวเครื่องใช้วัสดุพลาสติก ทำให้ไม่มีความทนทานเท่าที่ควร ต้องระมัดระวังในการใช้งาน
  • ไม่มีระบบบดเมล็ดกาแฟ จำเป็นต้องซื้อเมล็ดกาแฟที่บดเป็นผงในการทำเครื่องดื่ม

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

4.       เครื่องชงกาแฟ Duchess รุ่น CM5350B

เครื่องชงกาแฟ Duchess รุ่น CM5350B

เครื่องชงกาแฟ Duchess รุ่น CM5350B มีดีไซน์หรูหรา ทันสมัย ทำให้มีความเป็นนักชงกาแฟมืออาชีพ ตัวเครื่องใช้วัสดุอลูมิเนียม มีความแข็งแรง ทนทานต่อความร้อนได้เป็นอย่างดี โดยควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส ซึ่งมีความสามารถในการสกัดกาแฟได้สูง จึงทำให้เครื่องดื่มกาแฟมีความเข้มข้นมาก แยกกลิ่นได้ชัดเจนตามชนิดของเมล็ดกาแฟ มาพร้อมกับระบบทำนมร้อน และฟองนม เหมาะสำหรับทำเมนูต่างๆได้เป็นอย่างดี เช่น Cappucino, Latte, Flat White เป็นต้น นอกจากนี้สามารถชงกาแฟได้พร้อมกันสูงสุดครั้งละ 2 แก้ว ช่วยให้ประหยัดเวลาได้เป็นอย่างดี

ยี่ห้อ/รุ่น Duchess รุ่น CM5350B
ขนาด 20x27x30 เซนติเมตร
กำลังไฟ ไม่ระบุ
แรงดันบาร์ 20 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.5 ลิตร

จุดเด่น:
  • มีดีไซน์หรูหรา ทันสมัย ทำให้มีความเป็นนักชงกาแฟมืออาชีพ เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานในการจำแนกกลิ่นกาแฟได้พอสมควร
  • ระบบทำนมร้อน และฟองนม เหมาะสำหรับทำเมนูต่างๆ เช่น Cappucino, Latte, Flat White
  • ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส ใช้งานง่าย ให้ความสะดวกในการใช้งาน
  • สามารถชงกาแฟได้พร้อมกันสูงสุดครั้งละ 2 แก้ว

จุดควรพิจารณา:
  • แรงดัน 20 บาร์ เหมาะสำหรับเมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพดีเยี่ยม หากใช้เมล็ดกาแฟที่ประสิทธิภาพต่ำ อาจทำให้รสชาติกาแฟมีความขม และได้กลิ่นไหม้พอสมควร
  • ไม่มีฟังก์ชันสำหรับบด ต้องซื้อเครื่องบดเมล็ดกาแฟมาเสริมในการใช้งาน

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

5.       เครื่องชงกาแฟ De’Longhi Dedica EC685BK

เครื่องชงกาแฟ De'Longhi Dedica EC685BK

เครื่องชงกาแฟ De’Longhi Dedica EC685BK มีดีไซน์กะทัดรัด ทันสมัย ตัวเครื่องใช้วัสดุ Stainless ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน ด้านบนเครื่องมีฟังก์ชัน Cup Warmer ช่วยรักษาอุณหภูมิของแก้วกาแฟให้คงที่ ทำให้ดื่มกาแฟจากแก้วที่อุ่นไว้ มีรสชาติเข้มข้น หอมละมุน ส่วนการทำงานของเครื่อง ทำความร้อนแบบ Thermoblock ส่งผลให้ทำความร้อนได้รวดเร็ว ซึ่งชงกาแฟได้ 2 แบบ คือ กาแฟผง และ POD มาพร้อมกับก้านทำนมร้อน สามารถทำเมนูฟองนมได้อย่าง Cappucino โดยคุณสามารถปรับระดับความไอน้ำ และระดับฟองนมได้

ยี่ห้อ/รุ่น De’Longhi Dedica EC685BK
ขนาด 17x35x33 เซนติเมตร
กำลังไฟ 1,350W
แรงดันบาร์ 15 บาร์
ความจุถังน้ำ 1.1 ลิตร

จุดเด่น:
  • ดีไซน์กะทัดรัด ทันสมัย ตัวเครื่องใช้วัสดุ Stainless ทำให้มีความแข็งแรง ทนทาน
  • มีก้านทำนมร้อน สามารถทำเมนูฟองนมได้อย่าง Cappucino
  • Cup Warmer รักษาอุณหภูมิของแก้วกาแฟให้คงที่
  • ชงกาแฟได้ 2 แบบ คือ กาแฟผง และ POD

จุดควรพิจารณา:
  • ไม่มีระบบบดเมล็ดกาแฟ ต้องซื้อเครื่องบดเมล็ดกาแฟ หรือเมล็ดกาแฟที่บดแล้วเท่านั้น
  • ใช้กำลังไฟสูงถึง 1,350W ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานพอสมควร

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

6.       เครื่องชงกาแฟ ELECTROLUX รุ่น E2CM1-200W

เครื่องชงกาแฟ ELECTROLUX รุ่น E2CM1-200W

เครื่องชงกาแฟ ELECTROLUX รุ่น E2CM1-200W มีดีไซน์เรียบง่าย สไตล์โมเดิร์น เหมาะสำหรับตกแต่งมุมห้องครัวได้เป็นอย่างดี เป็นเครื่องชงกาแฟแบบต้องใช้ผงเมล็ดกาแฟที่บดแล้วเท่านั้น ซึ่งมีช่องสำหรับใส่ผงเมล็ดกาแฟ และช่องบรรจุน้ำ โดยน้ำจะไหลเวียนเข้าไปยังช่องผงเมล็ดกาแฟ เพื่อสกัดออกมาเป็นน้ำให้มากที่สุด ส่งผลให้มีกลิ่นหอมละมุน รสชาติกาแฟเข้มข้น และสามารถแยกกลิ่นได้ชัดเจน อีกทั้งใช้งานง่าย ด้วยปุ่มการทำงานเพียงปุ่มเดียว และระบบตัดไฟอัตโนมัติ หากช่องบรรจุน้ำแห้ง ทำให้มีความปลอดภัยทุกครั้งที่ใช้งาน

ยี่ห้อ/รุ่น ELECTROLUX รุ่น E2CM1-200W
ขนาด 15.8×24.5×31 เซนติเมตร
กำลังไฟ 1,000W
แรงดันบาร์ ไม่ระบุ
ความจุถังน้ำ 1.1 ลิตร

จุดเด่น:
  • ดีไซน์เรียบง่าย สไตล์โมเดิร์น เหมาะสำหรับตกแต่งมุมห้องครัวได้เป็นอย่างดี
  • รูปแบบการทำงานแบบสกัด ทำให้เครื่องดื่มมีรสชาติเข้มข้น กลิ่นหอมชัดเจน
  • มีระบบตัดไฟอัตโนมัติ ทำให้มีความปลอดภัยทุกครั้งที่ใช้งาน
  • ใช้งานง่าย ด้วยปุ่มการทำงานเพียงปุ่มเดียว

จุดควรพิจารณา:
  • ชงกาแฟได้รูปแบบเดียว คือ ต้องใช้ผงเมล็ดกาแฟที่บดแล้วเท่านั้น
  • ใช้กำลังไฟสูงถึง 1,000W ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานพอสมควร

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

7.       เครื่องชงกาแฟ Beko รุ่น CEG5311X

เครื่องชงกาแฟ Beko รุ่น CEG5311X

เครื่องชงกาแฟ Beko รุ่น CEG5311X ดีไซน์ทันสมัย หรูหรา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านกาแฟ มาพร้อมกับระบบฟังก์ชันในการใช้งานครบครัน โดยมีระบบบดเมล็ดกาแฟ ซึ่งสามารถปรับระดับการบดได้สูงสุด 5 ระดับ เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นตามที่คุณต้องการ และเพิ่มความสะดวกในการทำความสะอาด ด้วยระบบทำความสะอาดเครื่องอัตโนมัติ นอกจากนี้ควบคุมการทำงานได้ง่ายด้วยระบบสัมผัส อีกทั้งมีก้านทำฟองนม ใช้สำหรับทำเมนู Cappucino, Latte, Flat White ได้อีกด้วย

ยี่ห้อ/รุ่น Beko รุ่น CEG5311X
ขนาด 32×18.6×41 เซนติเมตร
กำลังไฟ 1,350W
แรงดันบาร์ 19 บาร์
ความจุถังน้ำ ไม่ระบุ

จุดเด่น:
  • ดีไซน์ทันสมัย หรูหรา และมีระบบฟังก์ชันในการใช้งานครบครัน เหมาะสำหรับใช้ในร้านกาแฟ
  • สามารถปรับระดับการบดได้สูงสุด 5 ระดับ เพื่อให้ได้รสชาติและกลิ่นแท้ๆของกาแฟ
  • มีก้านทำฟองนม ใช้สำหรับทำเมนู Cappucino, Latte, Flat White และอื่นๆ
  • ทำความสะอาดง่าย ด้วยระบบทำความสะอาดเครื่องอัตโนมัติ

จุดควรพิจารณา:
  • ราคาค่อนข้างสูง ไม่เหมาะสำหรับในการใช้งานทั่วไป ต้องมีพื้นฐานในการใช้งานทั้งเรื่องเมล็ดกาแฟ, ระดับการบด เป็นต้น
  • ใช้กำลังไฟสูงถึง 1,350W ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานพอสมควร

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

8.       เครื่องชงกาแฟ Xiaomi รุ่น S1301

เครื่องชงกาแฟ Xiaomi รุ่น S1301

เครื่องชงกาแฟ Xiaomi รุ่น S1301 เป็นชนิดเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล โดยมีดีไซน์โดดเด่น มีสีขาว ทันสมัย ราคาจับต้องได้ ซึ่งตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานสูง ป้องกันรอยขีดข่วนได้เป็นอย่างดี และมีโหมดการทำงานแบบ 2 โหมดคือ Espresso เหมาะสำหรับชงกาแฟที่มีความเข้มข้น หนักแน่น เน้นรสชาติเข้ม ส่วน Lungo เน้นดื่มง่าย ไม่มีความขม มีรสเปรี้ยวชัดกว่า Espresso ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบดื่มกาแฟดำ หรือ Americano อีกทั้งมีระบบตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อถังน้ำแห้ง และไม่ใช้งานเป็นระยะเวลา 5 นาที ทำให้ประหยัดพลังงานได้อีกด้วย

ยี่ห้อ/รุ่น Xiaomi รุ่น S1301
ขนาด ไม่ระบุ
กำลังไฟ 1,150W
แรงดันบาร์ 20 บาร์
ความจุถังน้ำ 0.6 ลิตร

จุดเด่น:
  • มีดีไซน์โดดเด่น สีขาว ทันสมัย ราคาจับต้องได้ ตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS ให้ความทนทานสูง ป้องกันรอยขีดข่วน
  • ระบบตัดไฟอัตโนมัติ เมื่อถังน้ำแห้ง และไม่ใช้งานเป็นระยะเวลา 5 นาที ทำให้ประหยัดพลังงานได้
  • สามารถเลือกทำเครื่องดื่มกาแฟที่มีความเข้มข้นได้ 2 ระดับ คือ Espresso กับ Lungo
  • รองรับการใช้กาแฟแคปซูลรูปทรงเดียวกับแบรนด์ Nespresso

จุดควรพิจารณา:
  • เนื่องจากตัวเครื่องทำจากวัสดุพลาสติก ABS และมีสีขาว อาจทำให้ตัวเครื่องเกิดคราบเหลืองได้
  • ใช้กำลังไฟสูงถึง 1,150W ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานพอสมควร

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

9.       เครื่องชงกาแฟ Ksrain

เครื่องชงกาแฟ Ksrain

เครื่องชงกาแฟ Ksrain เป็นเครื่องชงกาแฟสดที่มีดีไซน์ทันสมัย เหมาะสำหรับตกแต่งครัวเรือนได้เป็นอย่างดี และใช้สำหรับชงกาแฟได้ทุกเช้า โดยใช้เวลาไม่ถึง 2 นาทีเท่านั้น เพราะมีระบบควบคุมการทำงานที่ใช้งานง่าย โดยใช้ลูกบิดหมุนปรับระดับการสกัดกาแฟให้ได้รสชาติ และกลิ่นตามที่ต้องการ อีกทั้งมีก้านทำฟองนม และนมร้อน ซึ่งทำเมนูกาแฟได้หลากหลายเช่น Espresso, Latte, Cappucino และ Mocca หรือฝึกซ้อม สร้างสรรค์รูป Latte Art ได้อีกด้วย

ยี่ห้อ/รุ่น Ksrain
ขนาด 33×18.2×32 เซนติเมตร
กำลังไฟ 800W
แรงดันบาร์ 5 บาร์
ความจุถังน้ำ 0.24 ลิตร

จุดเด่น:
  • ดีไซน์ทันสมัย เหมาะสำหรับตกแต่งครัวเรือนได้เป็นอย่างดี
  • ใช้งานง่าย ด้วยลูกบิดหมุนปรับระดับการสกัดกาแฟ
  • ด้านบนมีถาดอุ่นแก้ว ทำให้อุณหภูมิของแก้วคงที่
  • มีก้านทำฟองนม และนมร้อน

จุดควรพิจารณา:
  • เนื่องจากมีแรงดันเพียง 5 บาร์ เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นเข้าวงการดื่มกาแฟสด เพราะมีความเข้มข้น และความแน่นค่อนข้างต่ำ
  • ช่องบรรจุน้ำค่อนข้างน้อยเพียง24 ลิตร ทำให้ต้องเติมน้ำอยู่บ่อยครั้ง

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

10.   เครื่องชงกาแฟ Alectric รุ่น 4C

เครื่องชงกาแฟ Alectric รุ่น 4C

เดินทางมาถึงรีวิวเครื่องชงกาแฟอันดับสุดท้ายกับ Alectric รุ่น 4C มีดีไซน์สีดำ ดูดุดัน และทันสมัย ซึ่งตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS Food Grade ให้ความปลอดภัยในการทำเครื่องดื่ม โดยมีปุ่มควบคุมการทำงาน ด้วยลูกบิดหมุนเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น และต้องใช้ผงเมล็ดกาแฟที่บดแล้วเท่านั้น ซึ่งมีช่องสำหรับใส่ผงเมล็ดกาแฟ และช่องบรรจุน้ำ อีกทั้งมีไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่อง และแถบแสดงระดับน้ำของถังน้ำ

ยี่ห้อ/รุ่น Alectric รุ่น 4C
ขนาด 17x14x23 เซนติเมตร
กำลังไฟ 600W
แรงดันบาร์ ไม่ระบุ
ความจุถังน้ำ 0.75 ลิตร

จุดเด่น:
  • ตัวเครื่องใช้วัสดุ ABS Food Grade ให้ความปลอดภัยในการทำเครื่องดื่ม และไม่มีกลิ่นจากตัวเครื่องมาปะปน
  • มีไฟแสดงสถานะการทำงานของเครื่อง และแถบแสดงระดับน้ำของถังน้ำ
  • ความจุถังน้ำ75 ลิตร สามารถทำกาแฟได้สูงสุด 4 แก้ว
  • ใช้งานง่าย ด้วยปุ่มลูกบิดหมุนเพียงปุ่มเดียวเท่านั้น

จุดควรพิจารณา:
  • จำเป็นต้องใช้ผงเมล็ดกาแฟที่บดแล้วเท่านั้น ตัวเครื่องไม่มีระบบบดเมล็ดกาแฟ จึงต้องซื้อผงเมล็ดกาแฟ หรือเครื่องบดแยก
  • ใช้เวลาในการทำเครื่องดื่ม 5-10 นาที จึงไม่เหมาะสำหรับผู้ที่เร่งรีบ และต้องเผื่อเวลาในการชงกาแฟพอสมควร

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Shopee

เครื่องชงกาแฟ

ประเภทเครื่องชงกาแฟมีอะไรบ้าง?

1.       เครื่องชงกาแฟแบบ Drip

เป็นการชงกาแฟที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เพราะสามารถควบคุมรสชาติ และความเข้มข้นของกาแฟได้ตลอดกระบวนการทำเครื่องดื่ม ซึ่งต้องใช้น้ำหนักมือของคุณในการเทน้ำลงเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว หรือเทใส่เหยือกกรองที่ขังกาแฟไว้ให้ค่อยๆ ไหลผ่าน Filter กรองลงมาเป็นหยดน้ำ เหมาะสำหรับกาแฟที่คั่วอ่อน หรือคั่วกลาง ทำให้ได้รับรสชาติเปรี้ยว หอม หวานชัดเจน พร้อมกลิ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของเมล็ดกาแฟนั้นๆ

2.       เครื่องชงกาแฟ Espresso

ถือเป็นการชงกาแฟที่ใช้งานง่ายมากที่สุด และนิยมใช้ทั่วไป เพราะเป็นเครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ มีฟังก์ชันและระบบในการทำเมนูกาแฟที่ครบครัน ซึ่งเลือกเมนูที่ต้องการได้ พร้อมก้านทำฟองนม และทำนมร้อน เหมาะสำหรับทำเมนู Latte, Flat White, Cappucino ได้เป็นอย่างดี โดยมีจุดเด่นในเรื่องของ Crema หรือน้ำมันที่ได้จากการสกัดกาแฟ ทำให้มีรสชาติที่เข้มข้น หนักแน่น และกลิ่นหอมชัดเจน

3.       เครื่องชงกาแฟ Moka Pot

เป็นหนึ่งในวิธีประเภทเครื่องชงกาแฟสมัยโบราณ มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ในประเทศอิตาลี โดยมีหลักการทำงานคือ การนำหม้อต้มกาแฟ (Moka Pot) ไปต้มได้ทั้งเตาแก๊ส และเตาไฟฟ้า ทำให้น้ำที่อยู่ตรงส่วนล่างของหม้อต้มเดือด และไอน้ำจะลอยตัวขึ้นมาผ่านเมล็ดกาแฟที่บดแล้ว ออกมาเป็นน้ำกาแฟ พร้อม Crema ซึ่งให้รสชาติเข้มข้น และกลิ่นหอมคล้ายๆกับเครื่องชงกาแฟ Espresso แต่ Moka Pot ต้องใช้เวลาในการทำพอสมควร

4.       เครื่องชงกาแฟ French Press

การชงกาแฟแบบ French Press ให้ความสะดวกกว่าแบบอื่นๆ เพราะไม่ต้องซื้อกระดาษกรองมาใส่ สามารถพกพาใช้งานได้ทุกที่ และไม่ต้องใช้ฝีมือในการชงกาแฟ โดยนำน้ำร้อนบรรจุใส่ไปในตัวเครื่อง และใส่กาแฟไปแช่ในน้ำร้อน ซึ่งตัวเครื่องจะทำการกรองผงกาแฟที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ ทำให้พร้อมดื่มได้ทันที เหมาะสำหรับทำกาแฟคั่วอ่อน เพื่อได้รับรสชาติชัดเจน ไม่ขมจนเกินไป

5.       เครื่องชงกาแฟ Capsule Machine

เป็นหนึ่งในการชงกาแฟที่ง่ายที่สุด เพราะเพียงเลือกซื้อกาแฟชนิดแคปซูล แล้วหย่อนลงไปในช่องบรรจุกาแฟแคปซูล และเลือกปริมาณน้ำกาแฟได้ตามที่ต้องการ โดยส่วนใหญ่มี 2 โหมดคือ Espresso และ Lungo ทั้งนี้ 1 แคปซูล สามารถชงกาแฟได้ 2 แก้ว ซึ่งมีรสชาติ กลิ่น และความหนักแน่นไม่แพ้กับใช้งานเครื่อง Espresso และ Moka Pot

วิธีเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ให้ตรงตามความต้องการมากที่สุด

1.       จุดประสงค์ในการใช้งาน

การเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี สิ่งแรกที่คุณควรคำนึงคือ จุดประสงค์ในการใช้งาน เพราะแต่คนละคนต้องการดื่มประเภทกาแฟที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงวิธีการใช้งานที่เรียบง่าย เช่น หากต้องการความสะดวกในการใช้งาน และต้องการกาแฟที่มีความเข้มข้น กลิ่นหอม ควรเลือกใช้ชนิดแคปซูล หรือเครื่อง Espresso ซึ่งใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก

2.       ประหยัดพลังงาน

ปัจจัยที่หลายๆคนมองข้าม คือเรื่องประหยัดพลังงาน เพราะหากคุณจำเป็นต้องชงกาแฟอยู่บ่อยครั้ง ต้องเลือกซื้อเครื่องที่มีกำลังไฟไม่เกิน 1,000W ถ้าหากเกิน 1,000W ทำให้สิ้นเปลืองพลังงานในการใช้งานอย่างมาก และต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

3.       แรงดันบาร์

สำหรับแรงดันบาร์ในการชงกาแฟที่ดีที่สุด ควรอยู่ในระดับ 10-15 บาร์ เพราะถ้าเกิน 15 บาร์ ทำให้รสชาติของกาแฟมีความขม และไม่สามารถควบคุมรสชาติของกาแฟได้ ซึ่งแรงดันบาร์เยอะ ส่งผลให้เกิดการสกัดกาแฟเร็วจนเกินไป เพราะน้ำไหลเวียนได้แค่ผิวนอกของเมล็ดกาแฟเท่านั้น จึงมีแต่ความมัน ความขม แต่ไม่มีรสชาติที่ชัดเจนนั่นเอง

4.       ฟังก์ชันฟองนม

เป็นระบบฟังก์ชันเสริมของเครื่องชงกาแฟ หากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบเมนูกาแฟใส่นม ต้องไม่พลาดฟังก์ชันฟองนม ซึ่งอยู่ในรูปแบบก้านฟองนม และใช้สำหรับทำนมร้อนได้ เหมาะสำหรับทำเมนูเครื่องดื่มกาแฟ Latte, Cappucino, Mocca และ Flat White ซึ่งการใช้ฟังก์ชันฟองนม จะทำให้รสชาติกาแฟไม่เสีย และกลิ่นหอมยังคงอยู่ หากใช้นมที่ไม่ผ่านฟังก์ชัน จะทำให้กาแฟเสียรสชาติ และได้กลิ่นของนมแทนกาแฟอีกด้วย

เครื่องชงกาแฟ

บทสรุปเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี ชงกาแฟอร่อย ใช้เวลาไม่นาน

สำหรับบทสรุปเลือกซื้อ เครื่องชงกาแฟ ยี่ห้อไหนดี เราขอแนะนำ Duchess รุ่น CM3200B เพราะมีดีไซน์เรียบง่าย ทันสมัย ซึ่งมีปุ่มหมุนควบคุมการทำงาน ใช้สำหรับปรับระดับความเข้มของกาแฟ และมีไฟแสดงสถานะทำงานของเครื่อง มาพร้อมกับฟังก์ชันทำฟองนม สร้างสรรค์เมนูได้หลากหลายเช่น Latte, Cappucino, Mocca และ Flat White เป็นต้น ซึ่งใช้เวลาในการทำเครื่องดื่มไม่ถึง 1 นาที ถือเป็นเครื่องกาแฟที่ชงแล้วอร่อย ใช้เวลาไม่นาน ประหยัดพลังงานด้วยกำลังไฟ 580W เท่านั้น คุ้มค่าเหมาะสมกับราคาอย่างแน่นอน

เช็คราคาโปรโมชั่นวันนี้ที่Lazada

ปวินญา

We will be happy to hear your thoughts

Leave a reply

TopReviewThailand : รีวิวผลิตภัณฑ์สินค้าขายดี
Logo
Enable registration in settings - general